การเพิ่มผลผลิต
เป็นความรับผิดชอบของทุกคน ในแง่ของบริษัทหรือโรงงาน
ผู้บริหารต้องมีความเข้าใจในเรื่องการเพิ่มผลผลิตและให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายพนักงานต้องให้ความร่วมมือ
โดยการทำงานอย่างเต็มความสามารถและเพิ่มทักษะการทำงานให้สูงขึ้น
นอกจากนี้การเพิ่มผลผลิตยังต้องอาศัยความร่วมมือจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ บุคลากร
และหน่วยงานอื่นทั่ว ๆ ไป ในการร่วมกันปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตในทุกสถานที่
ทั้งที่ทำงาน และสถานประกอบการด้วยการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
โดยใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งส่งผลให้การเพิ่มผลผลิตโดยรวมของประเทศเพิ่มสูงขึ้น
อันจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนในประเทศ
ซึ่งก็คือเป้าหมายสำคัญสูงสุดของการเพิ่มผลผลิต "ดังนั้น
สถานประกอบการหรือองค์กรต่าง ๆ จะต้องพยายามหาวิธีการเพิ่มผลผลิต
เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการที่จะทำให้การผลิตสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า
และทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด"
อุตสาหกรรมการผลิตในยุคแรกจะเน้นใช้แรงงานของคนเป็นหลัก
โดยเริ่มต้นจากครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศ
ซึ่งยังไม่มีแผนการเพิ่มผลผลิตแต่อย่างใด ทำให้คนงานทำงานโดยไม่มีความรู้
ไม่มีทักษะ และไม่มีความถนัดหรือความสามารถเฉพาะทางในงานที่ทำ ส่งผลให้ผลผลิตตกต่ำ
หรือมีจำนวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
จึงต้องมีการพัฒนากระบวนการผลิตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันความเป็นมาและแนวคิดเรื่องการเพิ่มผลผลิตนั้น
เริ่มต้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2454 โดย เฟรดเดอริค
ดับบลิว เทเลอร์ (Federick W.เกี่ยวกับความสิ้นเปลืองวัตถุดิบและพลังงานในกระบวนการผลิตที่มีสาเหตุมาจากการที่คนงานปฏิบัติงานTaylor)
ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์
ได้ทําการศึกษาเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาไม่ตรงกับความรู้ความสามารถและความถนัด
ตลอดจนขาดขวัญกําลังใจในการทํางาน รวมถึงการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพ
ทําให้ผลผลิตตกต่ำ Federick W.Taylor เน้นหลักการบริหารแบบวิทยาศาสตร์
ต้องการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพนักงานและฝ่ายบริหาร
ให้มองเห็นความจำเป็นในการนําหลักวิทยาศาสตร์มาใช้ในการบริหารงาน
ได้ทําการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเวลาและการเคลื่อนไหวในการทํางานของคนงาน
และได้ประกาศแนวทางการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ในหนังสือชื่อ Principles of
Scientific Management สรุปเป็น
1. พัฒนาระบบการผลิตด้วยการหาวิธีที่ดีที่สุด
2. คัดเลือกและจัดคนเข้าทํางานให้เหมาะสมกับงาน
3. จัดหาสิ่งจูงใจในการทำงาน
การเพิ่มผลผลิต
(Productivity) ได้มีผู้ให้ความหมายแตกต่างกันไป เช่น
การปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต การเพิ่มปริมาณผลผลิต เป็นต้น
ความหมายการเพิ่มผลผลิต สามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวคิด คือ
การเพิ่มผลผลิต
เป็นความรับผิดชอบของทุกคน ในแง่ของบริษัทหรือโรงงาน
ผู้บริหารต้องมีความเข้าใจในเรื่องการเพิ่มผลผลิตและให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายพนักงานต้องให้ความร่วมมือ
โดยการทำงานอย่างเต็มความสามารถและเพิ่มทักษะการทำงานให้สูงขึ้น
นอกจากนี้การเพิ่มผลผลิตยังต้องอาศัยความร่วมมือจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ บุคลากร
และหน่วยงานอื่นทั่ว ๆ ไป ในการร่วมกันปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตในทุกสถานที่
ทั้งที่ทำงาน และสถานประกอบการด้วยการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
โดยใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งส่งผลให้การเพิ่มผลผลิตโดยรวมของประเทศเพิ่มสูงขึ้น
อันจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนในประเทศ
ซึ่งก็คือเป้าหมายสำคัญสูงสุดของการเพิ่มผลผลิต "ดังนั้น
สถานประกอบการหรือองค์กรต่าง ๆ จะต้องพยายามหาวิธีการเพิ่มผลผลิต
เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการที่จะทำให้การผลิตสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า
และทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด"
อุตสาหกรรมการผลิตในยุคแรกจะเน้นใช้แรงงานของคนเป็นหลัก
โดยเริ่มต้นจากครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศ
ซึ่งยังไม่มีแผนการเพิ่มผลผลิตแต่อย่างใด ทำให้คนงานทำงานโดยไม่มีความรู้
ไม่มีทักษะ และไม่มีความถนัดหรือความสามารถเฉพาะทางในงานที่ทำ ส่งผลให้ผลผลิตตกต่ำ
หรือมีจำนวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
จึงต้องมีการพัฒนากระบวนการผลิตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันความเป็นมาและแนวคิดเรื่องการเพิ่มผลผลิตนั้น
เริ่มต้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2454 โดย เฟรดเดอริค
ดับบลิว เทเลอร์ (Federick W.เกี่ยวกับความสิ้นเปลืองวัตถุดิบและพลังงานในกระบวนการผลิตที่มีสาเหตุมาจากการที่คนงานปฏิบัติงานTaylor)
ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์
ได้ทําการศึกษาเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาไม่ตรงกับความรู้ความสามารถและความถนัด
ตลอดจนขาดขวัญกําลังใจในการทํางาน รวมถึงการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพ
ทําให้ผลผลิตตกต่ำ Federick W.Taylor เน้นหลักการบริหารแบบวิทยาศาสตร์
ต้องการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพนักงานและฝ่ายบริหาร
ให้มองเห็นความจำเป็นในการนําหลักวิทยาศาสตร์มาใช้ในการบริหารงาน
ได้ทําการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเวลาและการเคลื่อนไหวในการทํางานของคนงาน
และได้ประกาศแนวทางการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ในหนังสือชื่อ Principles of
Scientific Management สรุปเป็น
1. พัฒนาระบบการผลิตด้วยการหาวิธีที่ดีที่สุด
2. คัดเลือกและจัดคนเข้าทํางานให้เหมาะสมกับงาน
3. จัดหาสิ่งจูงใจในการทำงาน
การเพิ่มผลผลิต
(Productivity) ได้มีผู้ให้ความหมายแตกต่างกันไป เช่น
การปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต การเพิ่มปริมาณผลผลิต เป็นต้น
ความหมายการเพิ่มผลผลิต สามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวคิด คือ
หมายถึงอัตราส่วนระหว่างปัจจัยการผลิตที่ใช้ไป
(Input) (แรงงาน เครื่องมือ วัตถุดิบ เครื่องจักร พลังงาน
และอื่น ๆ) กับผลผลิตที่ได้จากกระบวนการผลิต (Output) (ตู้เย็น
รถยนต์ การขนส่ง) คำนวณได้จาก
ดังนั้น Federick W.Taylor ได้ให้แนวคิดด้านปริมาณงานเอาไว้ว่า
ถ้ากําหนดปริมาณงานที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่มอบหมายก็จะส่งผลให้คนงานปฏิบัติงานได้เต็มความสามารถ
ฝ่ายบริหารก็ไม่ต้องมีปัญหา เรื่องการทํางานของคนงานอีก ผลการศึกษาของ Taylor
นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มผลผลิต
หมายถึง การที่จะหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง
ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โดยมีความเชื่อว่าเราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ
ในวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้และวันพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้
ซึ่งเป็นความสำนึกในจิตใจ (Consciousness of Mind) เป็นความสามารถ
หรือพลังความก้าวหน้าของมนุษย์ที่จะแสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นเสมอ
ทั้งเรื่องของการประหยัดทรัพยากร พลังงาน และเงินตรา
ที่ต้องร่วมมือปรับปรุงเร่งรัดการเพิ่มผลผลิตในทุกระดับ
เพื่อหาความเจริญมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยโดยรวม
สรุปว่าการเพิ่มผลผลิต (Productivity)
หมายถึง กระบวนการในการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้สินค้า บริการ
หรืองานที่มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ด้วยวิธีการในการลดต้นทุน
ลดการสูญเสียทุกรูปแบบ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
การพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงานในองค์กร และการใช้เทคนิคการทำงานต่าง ๆ
เข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
อุตสาหกรรมผลิตไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
หรือใหญ่ก็ตามจะพบว่า “วัตถุประสงค์การผลิต คือ
การทำกำไรให้มากที่สุดโดยการยึดครองตลาดส่วนใหญ่ให้ได้
และสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นให้ได้มากที่สุด” แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว
วัตถุประสงค์ของการผลิตองค์กรผู้ผลิตต่าง ๆ ควรยึดถือแนวทางจากที่ เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry
Ford) ได้เขียนหนังสือไว้ในปี ค.ศ.1962 ที่ชื่อ
Today and Tomorrow หลักการคือ
1. เพื่อสร้างความพอใจให้แก่ลูกค้า👌
2. เพื่อทำให้มีกำไรที่เหมาะสม👌
3. เพื่อการใช้เงินทุนในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ👌
4. เพื่อการสร้างความพอใจให้แก่ผู้ถือหุ้น👌
5. เพื่อการให้รางวัลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนร่วมอย่างเสมอภาค👌
6. เพื่อการปฏิบัติต่อผู้ส่งมอบและลูกค้าอย่างยุติธรรม👌
7. เพื่อการเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อสังคม👌
การเพิ่มผลผลิตเป็นสิ่งที่ทุกคนในองค์กรต้องพยายามทำให้การผลิตขององค์กรดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะทรัพยากรต่าง ๆ นับวันจะขาดแคลนลง หรือลดน้อยลงไปทุกวัน
ดังนั้นองค์กรจึงต้องพยายามหาวิธีการเพิ่มผลผลิตในทุกวิถีทาง เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการที่จะทำให้การผลิตสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า
โดยพยายามให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด หรือไม่มีการสูญเสียใด ๆ เลยในกระบวนการผลิต
ซึ่งก็จะเป็นการประหยัดทรัพยากรที่มีให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่า ดังนั้นความสำคัญของการเพิ่มผลผลิต
มีดังนี้คือ
1. ช่วยให้คนงานได้มีส่วนร่วมในการปรับปรุงวิธีการทำงานของตนเองหรือของหน่วยงาน
2. ช่วยให้มีการนำเทคโนโลยีใหม่
ๆ เข้ามาสู่กระบวนการผลิต💓
3. ช่วยให้มีการพัฒนาและทักษะในการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น💔
4. ช่วยให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูก💖
5. ช่วยทำให้คนงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น💗
6. ช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในด้านคุณภาพและบริการ💘
7. ช่วยทำให้ลดต้นทุนในการผลิตสินค้าหรือบริการ💋
👉 ดังนั้นการเพิ่มผลผลิตจึงมีความสำคัญต่อองค์กรในการช่วยลดต้นทุนการผลิต
ทำให้สินค้าที่ผลิตได้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการสูญเสียต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต
อีกทั้งช่วยให้คนงานมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน
เป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจในการทำงาน เพราะคนงานได้มีส่วนร่วมในการทำงาน
มีการเรียนรู้ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นการเพิ่มทักษะในการทำงาน
และยังเป็นการพัฒนาให้คนงานมีความรู้ความสามารถความชำนาญในหน้าที่ของเขา
ซึ่งผลดีก็จะตกอยู่กับองค์กรนั่นเอง👀
การเพิ่มผลผลิตขององค์กรก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อม
การเพิ่มผลผลิตโดยรวมขององค์กร ด้วยการพัฒนาคนและพัฒนางาน
เพื่อสร้างสรรค์ความเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างมีคุณภาพ
ส่งผลให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสามารถแข่งขันได้ในตลาดการค้าโลก
✌1.
ด้านผู้บริโภค คือจะได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง มีความหลากหลายมากขึ้น
ราคาถูกลง มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการมากขึ้น
ผู้บริโภคอาจจะได้รับประโยชน์ในด้านการบริการในรูปแบบต่าง ๆ
การปรับปรุงและการเพิ่มการบริการนั้น ๆ จะสะดวกสบายในการหาซื้อ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการใช้สินค้าและบริการ
✌2.
ด้านพนักงาน คือพนักงานถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มผลผลิต
สิ่งที่จะได้รับจากองค์กรก็คือ ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น สวัสดิการเพิ่มขึ้น
มีความมั่นคงในการทำงานและในชีวิต ได้เรียนรู้
พัฒนาความสามารถในการทำงานในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
สร้างความปลอดภัยกับพนักงานขณะทำงาน และมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น
✌3.
ด้านผู้ประกอบการหรือองค์กร คือในองค์กรนั้นต้องการผลตอบแทนคือ กำไร เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
ช่วยให้องค์กร สามารถผลิตและทำงานในปริมาณที่สูงขึ้น ขยายธุรกิจ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กรนั้น
ๆ การผลิตที่ได้มาตรฐาน
ทำให้ลดความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในการทำงานและสามารถเป็นที่ยอมรับในสากลได้
ยกระดับคุณภาพสินค้า ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการอนุรักษ์พลังงาน
รู้จักใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และนำเทคโนโลยีด้านพลังงานเข้ามามีบทบาทในองค์กร
ส่งผลให้องค์กรดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน รวดเร็ว และปลอดภัย
✌4.
ด้านรัฐบาลและประเทศชาติ เมื่อองค์กรและประชาชนที่เป็นพนักงานได้รับประโยชน์
จึงทำให้รัฐบาลสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น โครงการต่าง ๆ
สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ประเทศชาติก็ดีขึ้นตามลำดับ สามารถพัฒนาประเทศชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
อัตราการจ้างงาน สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในสังคม
ความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิต💓
สภาพสังคมและเศรษฐกิจของไทยปัจจุบัน
เป็นสภาพที่อยู่ในภาวะวิกฤตทั้งในด้านทรัพยากรที่ลดลงอย่างมาก
จากนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมามุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมใหม่ทำให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
ทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ผลผลิตด้อยคุณภาพ ไม่เป็นที่พอใจของผู้บริโภค
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งมี
ความจำเป็นต้องนำการเพิ่มผลผลิตมาแก้ปัญหาและสร้างคุณภาพของผลิตภัณฑ์
มีดังนี้
1.
ทรัพยากรจำกัด การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและนับวันจะน้อยลงให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสูญเสียน้อยที่สุด💃
2.
การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องช่วยในการวางแผนทั้งในปัจจุบันในอนาคต เช่น
การกำหนดผลิตผลในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อไม่ให้เกิดส่วนเกิน ซึ่งถือเป็นความสูญเปล่าของทรัพยากร💥
3.
การแข่งขันสูงขึ้น หน่วยงานหรือบริษัทต่าง
ๆ จะอยู่รอดได้ต้องมีการปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ
การเพิ่มผลผลิตก็เป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพ ลดต้นทุน
ทำให้เราสู้กับคู่แข่งขันได้
💥 สรุปได้ว่า การเพิ่มผลผลิตเป็นจิตสำนึก
หรือเจตคติที่จะแสวงหาปรับปรุง และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
ด้วยความเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวันนี้
และสามารถทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้
การเพิ่มผลผลิตจึงเป็นความเพียรพยายามอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่จะปรับปรุงงาน หรือกิจกรรมที่ทำให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยการใช้เทคนิควิธีการใหม่
ๆ💥
องค์ประกอบในการเพิ่มผลผลิต
เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากซึ่งผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงเพราะจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ขององค์กรและเป็นการทำกำไรที่ยั่งยืน
ปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะคำนึงถึงแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว
มุ่งแต่จะลดต้นทุนทำให้มีการละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณต่าง
ๆ ทำให้เกิดผลเสียต่อผู้ปฏิบัติงานในองค์กรผู้บริโภค ดังนั้น เพื่อให้มีการดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
และประเทศชาติโดยส่วนรวม จึงควรปฏิบัติตามองค์ประกอบทั้ง
7 ประการ คือ QCDSMEE ดังนี้คือ
1. คุณภาพ (Quality)💥
คือสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้
เพราะความพึงพอใจเป็นเหตุผลสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ
ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องคำนึงถึงคุณภาพมาก่อน
1.1 ประเภทคุณภาพ
😇 • คุณภาพด้านเทคนิค
ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพและความสามารถในการใช้งานที่ส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าและบริการ
เช่น ความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์ ระบบป้องกันความปลอดภัย ฯลฯ
😓• คุณภาพด้านจิตวิทยา
ได้แก่ คุณลักษณะที่มีผลต่อจิตใจของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
เช่น ความสวยงามการออกแบบผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์ของสินค้า ฯลฯ
💣• คุณภาพด้านความผูกพันต่อเนื่องหลังการขาย
เช่น การให้บริการหลังการขาย การรับประกันสินค้า
👫 • คุณภาพด้านเวลา
เช่น อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ความยากง่ายในการบำรุงรักษา
ความรวดเร็วในการให้บริการ ฯลฯ
😋 • คุณภาพด้านจริยธรรม
เช่น ความถูกต้องตรงตามมาตรฐานการผลิต ความจริงใจในการให้บริการ
1.2 ความสำคัญของคุณภาพ ได้แก่ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ช่วยในการลดต้นทุน ยกระดับความต้องการของลูกค้า ส่งมอบได้ตามเวลากำหนด
และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นต้น
2. ต้นทุน (Cost)💥
หมายถึง
ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปเพื่อดำเนินการผลิตหรือบริการ เริ่มตั้งแต่การออกแบบการผลิต
การตรวจสอบ การจัดเก็บ การขนส่ง และการส่งมอบลูกค้าเรียกว่า
เป็นต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วย
2.1 ต้นทุนวัตถุดิบ (Material
Cost) เป็นค่าวัตถุดิบที่ซื้อมาจากหน่วยงานภายนอก
เพื่อนำไปผลิตสินค้าหรือบริการ ตลอดจนค่าวัสดุต่าง ๆ
ที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าถ่ายเอกสาร
และค่าโทรศัพท์ต่าง ๆ เป็นต้น
2.2 ต้นทุนด้านแรงงาน (Labor
Cost) คือค่าจ้างพนักงาน เพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ
ในกระบวนการทำงานขององค์กร
2.3 ต้นทุนการทำงานของเครื่องจักร (Machine
Operating Cost) คือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้า โดยไม่คำนึงว่าเครื่องจักรนั้นกำลังทำงานอยู่หรือไม่
เช่น ค่าเชื้อเพลิง หรือพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักร
ค่าซ่อมบำรุงรักษา ค่าชิ้นส่วนและอะไหล่ต่าง ๆ ของเครื่องจักร เป็นต้น
👉 ในการเพิ่มผลผลิตนั้นจะต้องลดต้นทุนในการผลิตให้ต่ำลง
ซึ่งต้องควบคุมไปกับการบริหารคุณภาพด้วย โดยการพยายามลดความสูญเสีย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจไม่จำเป็นออกไป
ขณะเดียวกันก็ประหยัดพลังงาน แรงงาน และทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัด
พนักงานต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะทำให้งานที่ทำมีคุณภาพดีขึ้นและลดการสูญเสีย💢
3.
การส่งมอบ (Delivery)💥
หมายถึง
การส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับหน่วยงานถัดไป
ซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าของเราได้อย่างตรงเวลา มีจำนวนครบถ้วน
และมีคุณสมบัติตรงตามที่ลูกค้ากำหนด เป็นการช่วยให้หน่วยงานได้เปรียบในการแข่งขัน
การที่จะบรรลุผลสำเร็จได้นั้นหน่วยงานจะต้องมีระบบการส่งมอบภายในที่ดีเสียก่อนอุปสรรคของการส่งมอบ อุปสรรคที่สำคัญ คือความสูญเสียต่าง
ๆ มีผล กระทบต่อการส่งมอบสินค้า เช่น
• วัตถุดิบขาด
ไม่เพียงพอต่อความต้องการของฝ่ายผลิต👈
• เสียเวลารอคอยข้อมูล
เพื่อใช้ในการออกแบบ👈
• กำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อการผลิต👈
• เครื่องจักรเสีย👈
• ผลิตชิ้นงานแต่ละชิ้นเสียเวลานานเกินไป👈
• พนักงานมีวิธีการทำงานไม่เหมาะสม👈
💓จากตัวอย่างเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการสูญเสีย
ซึ่งส่งผลต่อการส่งมอบสินค้าทั้งสิ้น ทุกคนในหน่วยงานจึงควรร่วมมือกัน
ช่วยกันลดความสูญเสียทุกขั้นตอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น
คุณภาพเพิ่มขึ้น การเพิ่มผลผลิตสูงขึ้น และลูกค้าพอใจมากขึ้น เป็นต้น
ดังนั้นการส่งมอบจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเพิ่มผลผลิต
4.
ความปลอดภัย (Safety)💓
👉 หมายถึง
การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายกับพนักงาน
ซึ่งส่งผลให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติงาน
หรือหมายถึงการป้องกันการสูญเสียจากอุบัติเหตุ คือการบาดเจ็บ เจ็บป่วย
ทรัพย์สินเสียหายและความสูญเสียเนื่องจากกระบวนการผลิต
💥ประโยชน์ของความปลอดภัย💥
ในปัจจุบันองค์กรหรือหน่วยงานมีสภาพการทำงานที่ปลอดภัย
และพนักงานทุกคนทำงานด้วยความปลอดภัย จะเกิดประโยชน์ดังนี้คือ
• 👉ผลผลิตเพิ่มขึ้น
คือพนักงานจะมีความรู้สึกไม่หวาดกลัว หรือวิตกกังวล เมื่อมีสุขภาพแวดล้อมที่ดี
มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นหรือดีขึ้น
• 👉ต้นทุนการผลิตลดลง
คือต้นทุนการผลิตเนื่องจากความสูญเสียต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น
ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทน ค่าบาดเจ็บไม่มี ต้นทุนการผลิตจึงลดลง
• 👉ทำให้องค์กรเกิดผลกำไรมากขึ้น ทำงานอย่างปลอดภัย
ทำให้ผลผลิตสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
ส่งผลให้องค์กรมีกำไรมากขึ้น
• 👉สงวนทรัพยากรมนุษย์ให้แก่ประเทศชาติ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจะทำให้พนักงานบาดเจ็บ พิการ ทุพลภาพ
หรือเสียชีวิตลงได้ ซึ่งเป็นการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญไปแต่ถ้าสภาพการทำงานมีความปลอดภัย
จะเป็นการสงวนทรัพยากรไว้
•👉 เป็นปัจจัยในการจูงใจในการทำงาน
การจัดสภาพการทำงานให้ปลอดภัย จะทำให้เป็นแรงจูงใจให้พนักงานเกิดความต้องการ
และรู้สึกสนใจในงานมากขึ้น
5.
ขวัญและกำลังใจในการทำงาน (Morale)💥
หมายถึง สภาพจิตใจของพนักงาน
ความรู้สึกที่มีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงานอยู่
ซึ่งวัดระดับความรู้สึกของพนักงานทำได้ยาก แต่สามารถสังเกตดูพฤติกรรม
ความสำคัญของขวัญและกำลังใจ สามารถทำให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงาน
มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อองค์กร มีความสามัคคี มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์
นำไปสู่จุดมุ่งหมายที่องค์กรกำหนดไว้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน💥
👉 • คุณสมบัติและลักษณะของผู้บังคับบัญชาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
👉• ความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน
ความรู้สึกโดยรวมในการปฏิบัติงาน รายได้ที่ได้รับ เพื่อนร่วมงาน
👉 • รางวัลผลตอบแทน ผลประโยชน์จากกำไร
👉 • แผนและนโยบายขององค์กร
👉 • สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานและบรรยากาศในการทำงาน
👉 • สุขภาพกายสุขภาพจิตของผู้ปฏิบัติงาน
😛 ดังนั้นการจัดระดับขวัญและกำลังใจ
สามารถจัดได้เป็นรายบุคคลว่ามีระดับขวัญและกำลังใจมากน้อยเพียงใด โดยใช้แบบทดสอบ
แบบอัตนัย และแบบปรนัย การตรวจสอบขวัญและกำลังใจที่ใช้การสังเกตการณ์ สัมภาษณ์
เก็บประวัติและออกแบบสอบถาม😜
7.
จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ (Ethics)💝💥
หมายถึง
การดำเนินธุรกิจโดยไม่เอาเปรียบทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ลูกค้า ผู้จัดหาสินค้า
พนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่แข่ง ภาครัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อมดังนั้นจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ
เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ💪
ขอขอบคุณ
-http://www.thailandindustry.com
-http://achinan.blogspot.com/
ค้นหาเมื่อวันที่ 29 พฤษจิกายน 2561
หมายถึงอัตราส่วนระหว่างปัจจัยการผลิตที่ใช้ไป
(Input) (แรงงาน เครื่องมือ วัตถุดิบ เครื่องจักร พลังงาน
และอื่น ๆ) กับผลผลิตที่ได้จากกระบวนการผลิต (Output) (ตู้เย็น
รถยนต์ การขนส่ง) คำนวณได้จาก
ดังนั้น Federick W.Taylor ได้ให้แนวคิดด้านปริมาณงานเอาไว้ว่า
ถ้ากําหนดปริมาณงานที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่มอบหมายก็จะส่งผลให้คนงานปฏิบัติงานได้เต็มความสามารถ
ฝ่ายบริหารก็ไม่ต้องมีปัญหา เรื่องการทํางานของคนงานอีก ผลการศึกษาของ Taylor
นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มผลผลิต
หมายถึง การที่จะหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง
ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โดยมีความเชื่อว่าเราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ
ในวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้และวันพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้
ซึ่งเป็นความสำนึกในจิตใจ (Consciousness of Mind) เป็นความสามารถ
หรือพลังความก้าวหน้าของมนุษย์ที่จะแสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นเสมอ
ทั้งเรื่องของการประหยัดทรัพยากร พลังงาน และเงินตรา
ที่ต้องร่วมมือปรับปรุงเร่งรัดการเพิ่มผลผลิตในทุกระดับ
เพื่อหาความเจริญมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยโดยรวม
สรุปว่าการเพิ่มผลผลิต (Productivity)
หมายถึง กระบวนการในการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้สินค้า บริการ
หรืองานที่มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ด้วยวิธีการในการลดต้นทุน
ลดการสูญเสียทุกรูปแบบ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
การพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงานในองค์กร และการใช้เทคนิคการทำงานต่าง ๆ
เข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
อุตสาหกรรมผลิตไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
หรือใหญ่ก็ตามจะพบว่า “วัตถุประสงค์การผลิต คือ
การทำกำไรให้มากที่สุดโดยการยึดครองตลาดส่วนใหญ่ให้ได้
และสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นให้ได้มากที่สุด” แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว
วัตถุประสงค์ของการผลิตองค์กรผู้ผลิตต่าง ๆ ควรยึดถือแนวทางจากที่ เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry
Ford) ได้เขียนหนังสือไว้ในปี ค.ศ.1962 ที่ชื่อ
Today and Tomorrow หลักการคือ
1. เพื่อสร้างความพอใจให้แก่ลูกค้า👌
2. เพื่อทำให้มีกำไรที่เหมาะสม👌
3. เพื่อการใช้เงินทุนในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ👌
4. เพื่อการสร้างความพอใจให้แก่ผู้ถือหุ้น👌
5. เพื่อการให้รางวัลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนร่วมอย่างเสมอภาค👌
6. เพื่อการปฏิบัติต่อผู้ส่งมอบและลูกค้าอย่างยุติธรรม👌
7. เพื่อการเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อสังคม👌
การเพิ่มผลผลิตเป็นสิ่งที่ทุกคนในองค์กรต้องพยายามทำให้การผลิตขององค์กรดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะทรัพยากรต่าง ๆ นับวันจะขาดแคลนลง หรือลดน้อยลงไปทุกวัน
ดังนั้นองค์กรจึงต้องพยายามหาวิธีการเพิ่มผลผลิตในทุกวิถีทาง เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการที่จะทำให้การผลิตสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า
โดยพยายามให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด หรือไม่มีการสูญเสียใด ๆ เลยในกระบวนการผลิต
ซึ่งก็จะเป็นการประหยัดทรัพยากรที่มีให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่า ดังนั้นความสำคัญของการเพิ่มผลผลิต
มีดังนี้คือ
1. ช่วยให้คนงานได้มีส่วนร่วมในการปรับปรุงวิธีการทำงานของตนเองหรือของหน่วยงาน
2. ช่วยให้มีการนำเทคโนโลยีใหม่
ๆ เข้ามาสู่กระบวนการผลิต💓
3. ช่วยให้มีการพัฒนาและทักษะในการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น💔
4. ช่วยให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูก💖
5. ช่วยทำให้คนงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น💗
6. ช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในด้านคุณภาพและบริการ💘
7. ช่วยทำให้ลดต้นทุนในการผลิตสินค้าหรือบริการ💋
👉 ดังนั้นการเพิ่มผลผลิตจึงมีความสำคัญต่อองค์กรในการช่วยลดต้นทุนการผลิต
ทำให้สินค้าที่ผลิตได้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการสูญเสียต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต
อีกทั้งช่วยให้คนงานมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน
เป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจในการทำงาน เพราะคนงานได้มีส่วนร่วมในการทำงาน
มีการเรียนรู้ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นการเพิ่มทักษะในการทำงาน
และยังเป็นการพัฒนาให้คนงานมีความรู้ความสามารถความชำนาญในหน้าที่ของเขา
ซึ่งผลดีก็จะตกอยู่กับองค์กรนั่นเอง👀
การเพิ่มผลผลิตขององค์กรก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อม
การเพิ่มผลผลิตโดยรวมขององค์กร ด้วยการพัฒนาคนและพัฒนางาน
เพื่อสร้างสรรค์ความเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างมีคุณภาพ
ส่งผลให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสามารถแข่งขันได้ในตลาดการค้าโลก
✌1.
ด้านผู้บริโภค คือจะได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง มีความหลากหลายมากขึ้น
ราคาถูกลง มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการมากขึ้น
ผู้บริโภคอาจจะได้รับประโยชน์ในด้านการบริการในรูปแบบต่าง ๆ
การปรับปรุงและการเพิ่มการบริการนั้น ๆ จะสะดวกสบายในการหาซื้อ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการใช้สินค้าและบริการ
✌2.
ด้านพนักงาน คือพนักงานถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มผลผลิต
สิ่งที่จะได้รับจากองค์กรก็คือ ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น สวัสดิการเพิ่มขึ้น
มีความมั่นคงในการทำงานและในชีวิต ได้เรียนรู้
พัฒนาความสามารถในการทำงานในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
สร้างความปลอดภัยกับพนักงานขณะทำงาน และมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น
✌3.
ด้านผู้ประกอบการหรือองค์กร คือในองค์กรนั้นต้องการผลตอบแทนคือ กำไร เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
ช่วยให้องค์กร สามารถผลิตและทำงานในปริมาณที่สูงขึ้น ขยายธุรกิจ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กรนั้น
ๆ การผลิตที่ได้มาตรฐาน
ทำให้ลดความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในการทำงานและสามารถเป็นที่ยอมรับในสากลได้
ยกระดับคุณภาพสินค้า ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการอนุรักษ์พลังงาน
รู้จักใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และนำเทคโนโลยีด้านพลังงานเข้ามามีบทบาทในองค์กร
ส่งผลให้องค์กรดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน รวดเร็ว และปลอดภัย
✌4.
ด้านรัฐบาลและประเทศชาติ เมื่อองค์กรและประชาชนที่เป็นพนักงานได้รับประโยชน์
จึงทำให้รัฐบาลสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น โครงการต่าง ๆ
สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ประเทศชาติก็ดีขึ้นตามลำดับ สามารถพัฒนาประเทศชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
อัตราการจ้างงาน สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในสังคม
ความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิต💓
สภาพสังคมและเศรษฐกิจของไทยปัจจุบัน
เป็นสภาพที่อยู่ในภาวะวิกฤตทั้งในด้านทรัพยากรที่ลดลงอย่างมาก
จากนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมามุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมใหม่ทำให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
ทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ผลผลิตด้อยคุณภาพ ไม่เป็นที่พอใจของผู้บริโภค
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งมี
ความจำเป็นต้องนำการเพิ่มผลผลิตมาแก้ปัญหาและสร้างคุณภาพของผลิตภัณฑ์
มีดังนี้
1.
ทรัพยากรจำกัด การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและนับวันจะน้อยลงให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสูญเสียน้อยที่สุด💃
2.
การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องช่วยในการวางแผนทั้งในปัจจุบันในอนาคต เช่น
การกำหนดผลิตผลในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อไม่ให้เกิดส่วนเกิน ซึ่งถือเป็นความสูญเปล่าของทรัพยากร💥
3.
การแข่งขันสูงขึ้น หน่วยงานหรือบริษัทต่าง
ๆ จะอยู่รอดได้ต้องมีการปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ
การเพิ่มผลผลิตก็เป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพ ลดต้นทุน
ทำให้เราสู้กับคู่แข่งขันได้
💥 สรุปได้ว่า การเพิ่มผลผลิตเป็นจิตสำนึก
หรือเจตคติที่จะแสวงหาปรับปรุง และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
ด้วยความเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวันนี้
และสามารถทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้
การเพิ่มผลผลิตจึงเป็นความเพียรพยายามอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่จะปรับปรุงงาน หรือกิจกรรมที่ทำให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยการใช้เทคนิควิธีการใหม่
ๆ💥
องค์ประกอบในการเพิ่มผลผลิต
เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากซึ่งผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงเพราะจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ขององค์กรและเป็นการทำกำไรที่ยั่งยืน
ปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะคำนึงถึงแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว
มุ่งแต่จะลดต้นทุนทำให้มีการละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณต่าง
ๆ ทำให้เกิดผลเสียต่อผู้ปฏิบัติงานในองค์กรผู้บริโภค ดังนั้น เพื่อให้มีการดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
และประเทศชาติโดยส่วนรวม จึงควรปฏิบัติตามองค์ประกอบทั้ง
7 ประการ คือ QCDSMEE ดังนี้คือ
1. คุณภาพ (Quality)💥
คือสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้
เพราะความพึงพอใจเป็นเหตุผลสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ
ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องคำนึงถึงคุณภาพมาก่อน
1.1 ประเภทคุณภาพ
😇 • คุณภาพด้านเทคนิค
ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพและความสามารถในการใช้งานที่ส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าและบริการ
เช่น ความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์ ระบบป้องกันความปลอดภัย ฯลฯ
😓• คุณภาพด้านจิตวิทยา
ได้แก่ คุณลักษณะที่มีผลต่อจิตใจของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
เช่น ความสวยงามการออกแบบผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์ของสินค้า ฯลฯ
💣• คุณภาพด้านความผูกพันต่อเนื่องหลังการขาย
เช่น การให้บริการหลังการขาย การรับประกันสินค้า
👫 • คุณภาพด้านเวลา
เช่น อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ความยากง่ายในการบำรุงรักษา
ความรวดเร็วในการให้บริการ ฯลฯ
😋 • คุณภาพด้านจริยธรรม
เช่น ความถูกต้องตรงตามมาตรฐานการผลิต ความจริงใจในการให้บริการ
1.2 ความสำคัญของคุณภาพ ได้แก่ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ช่วยในการลดต้นทุน ยกระดับความต้องการของลูกค้า ส่งมอบได้ตามเวลากำหนด
และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นต้น
2. ต้นทุน (Cost)💥
หมายถึง
ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปเพื่อดำเนินการผลิตหรือบริการ เริ่มตั้งแต่การออกแบบการผลิต
การตรวจสอบ การจัดเก็บ การขนส่ง และการส่งมอบลูกค้าเรียกว่า
เป็นต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วย
2.1 ต้นทุนวัตถุดิบ (Material
Cost) เป็นค่าวัตถุดิบที่ซื้อมาจากหน่วยงานภายนอก
เพื่อนำไปผลิตสินค้าหรือบริการ ตลอดจนค่าวัสดุต่าง ๆ
ที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าถ่ายเอกสาร
และค่าโทรศัพท์ต่าง ๆ เป็นต้น
2.2 ต้นทุนด้านแรงงาน (Labor
Cost) คือค่าจ้างพนักงาน เพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ
ในกระบวนการทำงานขององค์กร
2.3 ต้นทุนการทำงานของเครื่องจักร (Machine
Operating Cost) คือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้า โดยไม่คำนึงว่าเครื่องจักรนั้นกำลังทำงานอยู่หรือไม่
เช่น ค่าเชื้อเพลิง หรือพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักร
ค่าซ่อมบำรุงรักษา ค่าชิ้นส่วนและอะไหล่ต่าง ๆ ของเครื่องจักร เป็นต้น
👉 ในการเพิ่มผลผลิตนั้นจะต้องลดต้นทุนในการผลิตให้ต่ำลง
ซึ่งต้องควบคุมไปกับการบริหารคุณภาพด้วย โดยการพยายามลดความสูญเสีย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจไม่จำเป็นออกไป
ขณะเดียวกันก็ประหยัดพลังงาน แรงงาน และทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัด
พนักงานต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะทำให้งานที่ทำมีคุณภาพดีขึ้นและลดการสูญเสีย💢
3.
การส่งมอบ (Delivery)💥
หมายถึง
การส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับหน่วยงานถัดไป
ซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าของเราได้อย่างตรงเวลา มีจำนวนครบถ้วน
และมีคุณสมบัติตรงตามที่ลูกค้ากำหนด เป็นการช่วยให้หน่วยงานได้เปรียบในการแข่งขัน
การที่จะบรรลุผลสำเร็จได้นั้นหน่วยงานจะต้องมีระบบการส่งมอบภายในที่ดีเสียก่อนอุปสรรคของการส่งมอบ อุปสรรคที่สำคัญ คือความสูญเสียต่าง
ๆ มีผล กระทบต่อการส่งมอบสินค้า เช่น
• วัตถุดิบขาด
ไม่เพียงพอต่อความต้องการของฝ่ายผลิต👈
• เสียเวลารอคอยข้อมูล
เพื่อใช้ในการออกแบบ👈
• กำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อการผลิต👈
• เครื่องจักรเสีย👈
• ผลิตชิ้นงานแต่ละชิ้นเสียเวลานานเกินไป👈
• พนักงานมีวิธีการทำงานไม่เหมาะสม👈
💓จากตัวอย่างเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการสูญเสีย
ซึ่งส่งผลต่อการส่งมอบสินค้าทั้งสิ้น ทุกคนในหน่วยงานจึงควรร่วมมือกัน
ช่วยกันลดความสูญเสียทุกขั้นตอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น
คุณภาพเพิ่มขึ้น การเพิ่มผลผลิตสูงขึ้น และลูกค้าพอใจมากขึ้น เป็นต้น
ดังนั้นการส่งมอบจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเพิ่มผลผลิต
4.
ความปลอดภัย (Safety)💓
👉 หมายถึง
การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายกับพนักงาน
ซึ่งส่งผลให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติงาน
หรือหมายถึงการป้องกันการสูญเสียจากอุบัติเหตุ คือการบาดเจ็บ เจ็บป่วย
ทรัพย์สินเสียหายและความสูญเสียเนื่องจากกระบวนการผลิต
💥ประโยชน์ของความปลอดภัย💥
ในปัจจุบันองค์กรหรือหน่วยงานมีสภาพการทำงานที่ปลอดภัย
และพนักงานทุกคนทำงานด้วยความปลอดภัย จะเกิดประโยชน์ดังนี้คือ
• 👉ผลผลิตเพิ่มขึ้น
คือพนักงานจะมีความรู้สึกไม่หวาดกลัว หรือวิตกกังวล เมื่อมีสุขภาพแวดล้อมที่ดี
มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นหรือดีขึ้น
• 👉ต้นทุนการผลิตลดลง
คือต้นทุนการผลิตเนื่องจากความสูญเสียต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น
ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทน ค่าบาดเจ็บไม่มี ต้นทุนการผลิตจึงลดลง
• 👉ทำให้องค์กรเกิดผลกำไรมากขึ้น ทำงานอย่างปลอดภัย
ทำให้ผลผลิตสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
ส่งผลให้องค์กรมีกำไรมากขึ้น
• 👉สงวนทรัพยากรมนุษย์ให้แก่ประเทศชาติ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจะทำให้พนักงานบาดเจ็บ พิการ ทุพลภาพ
หรือเสียชีวิตลงได้ ซึ่งเป็นการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญไปแต่ถ้าสภาพการทำงานมีความปลอดภัย
จะเป็นการสงวนทรัพยากรไว้
•👉 เป็นปัจจัยในการจูงใจในการทำงาน
การจัดสภาพการทำงานให้ปลอดภัย จะทำให้เป็นแรงจูงใจให้พนักงานเกิดความต้องการ
และรู้สึกสนใจในงานมากขึ้น
5.
ขวัญและกำลังใจในการทำงาน (Morale)💥
หมายถึง สภาพจิตใจของพนักงาน
ความรู้สึกที่มีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงานอยู่
ซึ่งวัดระดับความรู้สึกของพนักงานทำได้ยาก แต่สามารถสังเกตดูพฤติกรรม
ความสำคัญของขวัญและกำลังใจ สามารถทำให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงาน
มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อองค์กร มีความสามัคคี มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์
นำไปสู่จุดมุ่งหมายที่องค์กรกำหนดไว้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน💥
👉 • คุณสมบัติและลักษณะของผู้บังคับบัญชาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
👉• ความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน
ความรู้สึกโดยรวมในการปฏิบัติงาน รายได้ที่ได้รับ เพื่อนร่วมงาน
👉 • รางวัลผลตอบแทน ผลประโยชน์จากกำไร
👉 • แผนและนโยบายขององค์กร
👉 • สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานและบรรยากาศในการทำงาน
👉 • สุขภาพกายสุขภาพจิตของผู้ปฏิบัติงาน
😛 ดังนั้นการจัดระดับขวัญและกำลังใจ
สามารถจัดได้เป็นรายบุคคลว่ามีระดับขวัญและกำลังใจมากน้อยเพียงใด โดยใช้แบบทดสอบ
แบบอัตนัย และแบบปรนัย การตรวจสอบขวัญและกำลังใจที่ใช้การสังเกตการณ์ สัมภาษณ์
เก็บประวัติและออกแบบสอบถาม😜
7.
จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ (Ethics)💝💥
หมายถึง
การดำเนินธุรกิจโดยไม่เอาเปรียบทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ลูกค้า ผู้จัดหาสินค้า
พนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่แข่ง ภาครัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อมดังนั้นจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ
เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ💪
ขอขอบคุณ
-http://achinan.blogspot.com/
ค้นหาเมื่อวันที่ 29 พฤษจิกายน 2561